อาการปวดหลังที่หลายคนประสบพบเจอ มักมาจากการนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสม ยิ่งถ้าหากเป็นการนั่งทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ยิ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปวดหลังได้ ซึ่งจะไม่เพียงแต่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อหลังเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคอ บ่า ไหล่ หรือบางครั้งอาจปวดร้าวลงขา มีผลต่อสุขภาพในแบบที่คาดไม่ถึงได้ด้วย จึงควรนั่งทำงานในท่าที่เหมาะสมที่สุด โดยท่านั่งที่เหมาะสม มีดังนี้
1.ระดับสายตาพอดีกับหน้าจอ ![ระดับสายตาพอดีกับหน้าจอ](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201300%20651'%3E%3C/svg%3E)
การนั่งในท่าที่เหมาะสม จะต้องนั่งให้ระดับสายตาพอดีกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ หากระดับสายตาต่ำกว่าหน้าจอ จะทำให้ต้องเงยหน้าระหว่างทำงาน แต่ถ้าหากระดับสายตาสูงกว่าหน้าจอ จะทำให้ต้องก้มหน้าระหว่างทำงานเป็นเวลานาน ปัญหานี้พบได้บ่อยมาก และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปวดคอ บ่า ไหล่ ไปจนถึงปวดหลัง การนั่งในระดับสายตาที่ไม่พอดีกับหน้าจอ อาจทำให้เกิดพฤติกรรมการนั่งทำงานแบบไหล่ห่อคอยื่น ซึ่งเป็นปัญหายอดฮิตของคนทำงาน ที่ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่ยังส่งผลต่อบุคลิกภาพด้วย จึงควรปรับระดับเก้าอี้ทำงานสูงต่ำให้ดี
หากเก้าอี้สำนักงานทั่วไปมีตัวปรับระดับสูง-ต่ำที่ไม่รองกับสรีระ ก็อาจส่งผลต่อปัญหานี้ได้ แต่ถ้าหากเป็นเก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพ มักจะทำตัวปรับระดับที่รองรับกับสรีระแต่ละบุคคลได้อย่างเหมาะสม ครอบคลุมผู้ใช้งานที่มีขนาดร่างกายและส่วนสูงแตกต่างกัน
2.แขนงอ 90-100 องศา![แขนงอ 90-100 องศา](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201300%20651'%3E%3C/svg%3E)
ขณะนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แขนของคนทำงานมักอยู่ในท่าที่ฝ่ามือต้องวางลงบนแป้นพิมพ์ แขนจึงอยู่ในลักษณะที่งอตัว แต่การงอแขนระหว่างนั่งทำงานนานๆ ก็ส่งผลต่อสุขภาพได้ ทั้งยังทำให้ปวดหลังได้ด้วยหากงอแขนในระดับที่ไม่พอดี สำหรับการงอแขนในระดับที่พอดี แนะนำว่าแขนท่อนบนกับแขนท่อนล่างควรงอทำมุม 90-100 องศา
หากแขนงอทำมุมน้อยกว่านี้ นั่นแปลว่าจะอยู่ในท่าที่มีลักษณะหน้ายื่นเข้าไปใกล้กับหน้าจอจนเกินไป และอยู่ในท่าที่หลังค่อม ซึ่งทำให้ปวดหลังได้หากอยู่ในท่านั้นนานๆ จึงควรสังเกตแขนให้ดีว่างอในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ แต่ถ้าหากงอทำมุมมากเกินไป นั่นแปลว่าอยู่ในลักษณะเอนหลัง ซึ่งถ้าหากเอนหลังทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้ปวดหลังได้เช่นกัน
ทั้งนี้แขนควรอยู่พอดีกับโต๊ะด้วย หมายความว่าแขนท่อนล่างควรอยู่ในท่าที่ขนานกับพื้น หากข้อศอกอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าโต๊ะจะทำให้เกิดการนั่งทำงานในลักษณะห่อไหล่ และทำให้ปวดคอ บ่า ไหล่ รวมถึงหลังด้วย ปัญหานี้การปรับเก้าอี้ทำงานช่วยได้ หากเป็นเก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพจะมีที่วางแขนรองรับและที่วางแขนมักจะปรับระดับได้ ควรปรับระดับที่วางแขนให้พอดี เพื่อให้แขนท่อนล่างขนานกับพื้น นอกจากที่วางแขนแล้ว การปรับระดับเบาะรองนั่งก็ควรอยู่ในระดับที่พอดีด้วย
3.หลังตรง![หลังตรง](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201300%20651'%3E%3C/svg%3E)
ปัญหาที่พบบ่อยในคนทำงานที่ปวดหลังมักมาจากการนั่งทำงานหลังค่อม หน้ายื่นเข้าหาหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไหล่ห่อตัว ทำให้เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อเป็นเวลานานๆ จึงควรปรับท่าใหม่ให้อยู่ในท่าที่หลังตรง สะโพกตั้งฉาก เมื่อนั่งหลังตรงแล้ว และมีการปรับระดับเก้าอี้ทำงานให้เหมาะสม จะทำให้อยู่ในท่าที่เหมาะกับการทำงาน หน้าไม่ยื่น ไหล่ไม่ห่อตัว จึงช่วยป้องกันอาการปวดหลังที่จะตามมาภายหลังได้ และแน่นอนว่าการปรับระดับเก้าอี้ทำงานยังคงมีความสำคัญมาก
สำหรับเก้าอี้ออฟฟิศเพื่อสุขภาพ ที่มักออกแบบมาให้รองรับกับสรีระระหว่างทำงาน ก็มักจะสามารถปรับระดับความสูง-ต่ำได้รองรับกับสัดส่วนของแต่ละบุคคลได้พอดี และในส่วนของพนักพิงที่รองรับแผ่นหลังด้วยเช่นกัน หากเป็นเก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพก็มักจะรองรับการนั่งหลังตรงได้พอดี และสามารถเอนหลังได้เมื่อต้องการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
4.ขาท่อนบนกับท่อนล่างตั้งฉากกัน![ขาตั้งฉากกัน](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201300%20651'%3E%3C/svg%3E)
การนั่งทำงานในท่าที่เหมาะสม ลักษณะการวางขาก็สำคัญเช่นกัน เพราะขาเชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อสะโพก ซึ่งเชื่อมต่อไปยังกล้ามเนื้อหลังอีกที ดังนั้นการวางขาที่พอดีก็สำคัญ โดยท่านั่งทำงานที่เหมาะสม ไม่ควรจะยื่นขาไปด้านหลัง หรือพับเข่ามากเกินไป แต่ควรวางขาในลักษณะที่ให้ขายื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย โดยที่ฝ่าเท้าควรวางอยู่บนพื้นไม่ลอยเหนือพื้น แต่ถ้าหากมีการปรับระดับเก้าอี้สูงขึ้น เพื่อให้ระดับการวางแขนและระดับสายตาเหมาะสมตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ก็ควรหาวัตถุมารองรับฝ่าเท้าไว้ เช่น ที่วางเท้าที่ปัจจุบันมีวางจำหน่ายหลากหลาย เพื่อไม่ให้เท้าลอยและเกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขา ซึ่งส่งผลให้ปวดเมื่อยสะโพกและหลังได้
5.สะโพกติดพนักพิง![สะโพกติดพนักพิง](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201300%20651'%3E%3C/svg%3E)
ท่านั่งทำงานที่เหมาะสมอีกหนึ่งประการก็คือจะต้องนั่งให้สะโพกชิดกับพนักพิง ส่วนนี้พบว่าหลายคนเป็นปัญหา บางคนนั่งสะโพกไม่ติดพนักพิง มีลักษณะยื่นไปด้านหน้า ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสะโพกและพนักพิง ซึ่งการนั่งแบบนี้นานๆ จะทำให้สะโพกรับน้ำหนักตัวเอาไว้ทั้งหมด ส่งผลเสียโดยตรงกับหมอนรองกระดูก จะทำให้เสื่อมสภาพได้หรือหมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ได้ด้วย หากเกิดกาทับเส้นประสาทจะไม่ใช่แค่ปวดหลังเท่านั้น แต่อาจจะทำให้ขยับตัวไม่ได้ไปเลย ดังนั้นควรระวังท่านี้ให้มาก พยายามอย่าให้เกิดช่องว่างระหว่างสะโพกและพนักพิง เพื่อให้พนักพิงช่วยรับน้ำหนักตัว ไม่ต้องทิ้งน้ำหนักลงไปที่สะโพกทั้งหมด
ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าการนั่งในท่าที่เหมาะสม เก้าอี้ออฟฟิศเพื่อสุขภาพมีส่วนอย่างมาก หากเป็นเก้าอี้สำนักงานทั่วไป ที่ไม่มีการออกแบบที่ดี จะทำให้ท่านั่งทำงานไม่เหมาะสมไปด้วย เป็นเหตุทำให้ปวดหลัง แต่ถ้าหากเป็นเก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพก็จะช่วยเรื่องนี้ได้